Aston Martin DB12 มีราคาเริ่มต้นที่ 21,900,000 บาท และมาพร้อมกับกำลังม้าที่ทรงพลังถึง 680 แรงม้า

 

Aston Martin DB12 ใหม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยแล้ว มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตรทวินเทอร์โบที่มีกำลังสูงสุดถึง 680 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ 21,900,000 บาท

แอสตัน มาร์ติน, ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ Aston Martin อย่างเป็นทางการในประเทศไทย, ได้เปิดเผย Aston Martin DB12 ใหม่ โดยเฉพาะเรียกว่าเป็น "The World's First Super Tourer" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของรถสปอร์ต GT (Grand Tourer) ตระกูล DB ที่ถือเป็นโมเดลระดับแฟลกชิปของแอสตัน มาร์ตินในปีนี้ครับ/ค่ะ

Aston Martin DB12 มาพร้อมกับการออกแบบตัวถังที่กว้างขวางและดุดันมากขึ้น โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบ Single vaned ที่เป็นลักษณะเฉพาะของรถตระกูล DB ที่ขนาดใหญ่ขึ้นถึง 56% โดยเทียบกับรุ่น DB11 V8 เพื่อให้รองรับพละกำลังได้มากยิ่งขึ้น และส่วนด้านหน้ามี Front splitter และโลโก้สัญลักษณ์ Aston Martin Wing Badge รุ่นใหม่ซึ่งถูกใช้ครั้งแรกใน DB12 นี้ครับ/ค่ะ

เหนือฝากระโปรงมีช่องระบายอากาศเพื่อระบายความร้อนจากเครื่องยนต์และทวินเทอร์โบคู่ และมีไฟหน้า LED แบบ 6-block pattern สำหรับการส่องสว่างในระหว่างกลางวัน กระจกมองข้างมีลักษณะสปอร์ตไร้กรอบ เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนด้วย Aeroblade ที่สร้างแรงกด และสปอยเลอร์หลังอัตโนมัติ รวมถึงมือเปิดประตูแบบ Presenting Door Handles ที่จะปรากฏขึ้นเมื่อกดปุ่มปลดล็อกบนรีโมต

ภายในห้องโดยสารของ Aston Martin DB12 ยังคงความหรูหราตามแบบ Aston Martin และคุณสามารถปรับแต่งตามใจชอบได้ มีหน้าจอ TFT ขนาด 10.25 นิ้วความละเอียดสูงและระบบอินโฟเทนเมนท์ที่พัฒนาโดย Aston Martin ทำงานผ่านหน้าจอกลางขนาดเดียวกัน รวมถึงปุ่มควบคุมที่ทันสมัยระบบอินโฟเทนเมนท์ และปุ่มเริ่มเครื่องยนต์ใหม่ และปุ่มปรับโหมดการขับขี่

ช่วงล่างของ Aston Martin DB12 มาพร้อม Double Wishbone ด้านหน้าและ Multi-link ด้านหลังพร้อมโช้กอัปแบบ Adaptive จาก Bilstein DTX ที่มีความยืดหยุ่นและความละเอียดในการขับขี่มากขึ้นถึง 500% เมื่อเทียบกับ DB11 V8 และมีเฟืองท้าย e-diff ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ระบบคาลิเปอร์เบรกหน้าแบบ 6-pot และด้านหลังแบบ 4-pot จับคู่กับจานเบรกคาร์บอนเซรามิกเจาะรูระบายความร้อนหน้า-หลังขนาด 410 และ 360 มม. ที่มีให้เลือกเป็นออปชันเสริม

นอกจากนี้ Aston Martin DB12 ยังมาพร้อมล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้ว และยาง Michelin Pilot Sport S 5 ระบุอักษร "AML" ที่พัฒนาขึ้นเพื่อ DB12 โดยมีโครงสร้างโฟมด้านในเพิ่มความนุ่มนวลและลดเสียงรบกวนในการขับขี่

ขอบคุณข้อมูล จาก https://www.sanook.com/auto/88711/

แนะนำ วิธีผ่อนรถให้หมดเร็ว หมดเร็วสบายใจ สบายกระเป๋า

 

การผ่อนรถให้หมดเร็วนั้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่นิยมกัน มีดังนี้

1. ผ่อนให้สั้นลง โดยทั่วไปแล้ว ระยะเวลาในการผ่อนรถจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 ปี ยิ่งผ่อนนานก็ยิ่งเสียดอกเบี้ยมาก ดังนั้น หากเป็นไปได้ ควรผ่อนรถให้สั้นลง เช่น 3-4 ปี จะทำให้เสียดอกเบี้ยน้อยลง และผ่อนรถหมดเร็วขึ้น

2. จ่ายค่างวดเกิน นอกเหนือจากค่างวดปกติแล้ว หากมีรายได้เพิ่มขึ้น ก็ควรพิจารณาจ่ายค่างวดเกิน เพื่อตัดเงินต้นให้เร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้เสียดอกเบี้ยน้อยลง และผ่อนรถหมดเร็วขึ้น

3. รีไฟแนนซ์ หากอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนรถปัจจุบันสูงเกินไป ก็อาจพิจารณารีไฟแนนซ์ไปยังบริษัทอื่นที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า ซึ่งจะทำให้เสียดอกเบี้ยน้อยลง และผ่อนรถหมดเร็วขึ้น

4. ต่อรองกับบริษัทไฟแนนซ์ หากไม่สะดวกที่จะรีไฟแนนซ์ ก็อาจลองต่อรองกับบริษัทไฟแนนซ์เดิม เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระ ซึ่งอาจช่วยให้ผ่อนรถหมดเร็วขึ้นได้

นอกจากนี้ ยังมีเคล็ดลับเพิ่มเติมในการผ่อนรถให้หมดเร็ว ดังนี้

• วางแผนการใช้รถให้รอบคอบ ก่อนซื้อรถ ควรพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้รถ และวางแผนการใช้รถให้เหมาะสมกับสภาพการเงินของตนเอง

• ดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดี การดูแลรักษารถให้อยู่ในสภาพดีจะช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ ทำให้ไม่ต้องเสียเงินซ่อมบำรุงบ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำให้ผ่อนรถหมดเร็วขึ้นได้

• หลีกเลี่ยงการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ควรควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสามารถในการผ่อนรถ

ทั้งนี้ วิธีการผ่อนรถให้หมดเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพการเงินของแต่ละบุคคล หากมีเงินเหลือพอ ก็ควรพิจารณาผ่อนรถให้สั้นลง หรือจ่ายค่างวดเกิน เพื่อผ่อนรถหมดเร็วขึ้น แต่หากมีเงินไม่มากนัก ก็อาจผ่อนรถให้นานขึ้น หรือพิจารณารีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ย

อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ 2566 จบไวภายใน 1 ชั่วโมง สะดวก ไม่ต้องไปขนส่ง

 

อบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์ เสร็จไวภายใน 1 ชั่วโมง

การอบรมต่อใบขับขี่ออนไลน์เป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง โดยขั้นตอนการอบรมมีดังนี้

1. เข้าสู่เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก (www.dlt.go.th)
2. คลิกที่เมนู "ใบขับขี่"
3. เลือกหัวข้อ "อบรมใบขับขี่ออนไลน์"
4. ลงทะเบียนสมาชิกใหม่หรือเข้าสู่ระบบสมาชิกเดิม
5. เลือกหลักสูตรการอบรมที่ต้องการ
6. อบรมและทดสอบความรู้ตามหลักสูตรที่กำหนด
7. พิมพ์ใบรับรองการอบรม

เมื่ออบรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถนำใบรับรองการอบรมไปยื่นขอต่ออายุใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งได้ โดยไม่จำเป็นต้องนำหลักฐานการอบรมอื่น ๆ เช่น ใบรับรองแพทย์หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนมาด้วย

การอบรมใบขับขี่ออนไลน์สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ ใช้เวลาอบรมเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักงานขนส่ง จึงเป็นอีกช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ที่ต้องการต่อใบขับขี่